วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ตลาดโต้รุ่ง



“ ตลาดโต้รุ่งหัวหิน “ อยู่บริเวณถนนเดชานุชิต ตัดกับถนนเพชรเกษมหลายคนคงจะรู้จัก และคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าใครที่เคยมาหัวหิน ก็คงจะพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเดิน จับจ่ายซื้อของ หรือหาอาหารอร่อยๆ จากที่นี่รับประทานกัน

ที่นี่มีอาหารง่ายๆ อร่อยๆมากมายหลายเจ้าให้เดินซื้อเลือกชิมกันเกือบตลอดทาง ไม่ว่าจะ เป็น ผัดไทย หอยทอด ข้าวขาหมู-มันไก่ กระเพราะปลา ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ซีฟู๊ด ของทานเล่นก็มีมากมาย โรตี ปลาหมึกย่าง ลูกชิ้น หมูสะเต๊ะ และอีกสารพัดของหวาน เต้าทึง ไอศครีม ขนมแบบไทยๆ ผลไม้ ... มากมายละลานตาไปหมด และยังมีเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เทป ซีดี หนังสือ ของฝากน่ารักๆ ให้ได้เลือกซื้อเลือกชม

ดูแล้วก็ไม่น่าจะต่างจากตลาดโต้รุ่งของที่อื่นสักเท่าไหร่ แต่ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ จริงๆ แล้วก็คือ ที่ตลาดโต้รุ่งของที่นี่ผู้บริโภคส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งซะ มากกว่าคนในท้องที่ที่จะมาเดิน จนกลายเป็นเหมือนถนนคนเดิน สถานที่ท่องเที่ยวใน ช่วงหัวค่ำ-ค่ำคืน เป็นสีสันของเมืองหัวหินไปแล้ว


อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศ รอยยิ้ม อัธยาศัยไมตรี ฝีมือ รสชาติ ที่หลากหลาย เป็นจุดเด่นที่ทำให้ตลาดโต้รุ่งหัวหินเป็นที่ที่ ใครต่อใครก็ต่างพากันมา จะเปิดขายประมาณ 6 โมงเย็นเรื่อยไปจนกว่าตลาดจะวายก็ ประมาณเที่ยงคืนในทุกๆ วัน





ซิเคด้า มาร์เก็ต

พบกัน 3 วัน (ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์)




ซิเคด้า มาร์เก็ต เปิดทุกวัน ศุกร์ เสาร์ ตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึง ห้าทุ่ม และ วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็น ถึง สี่ทุ่ม ณ สวนศรี หัวหิน
Cicada Market opens every Friday, Saturday from 04:00 to 11:00 p.m. and Sunday from 04:00 to 10:00 p.m. The Venue at Suansri, Hua Hin


CICADA อ่านออกเสียงว่า ซิ-เค-ดะ ตามสำเนียงอเมริกัน คำนี้เป็นคำนามแปลว่า จักจั่น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาเที่ยวชิวๆที่หัวหิน ที่หลายๆคนชอบเมืองเล็กๆแห่งนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า ณ วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่ไปเที่ยวหัวหิน แต่ก็ยังไม่รู้จัก ตลาดจักจั่น ถ้าทดสอบว่าชาวหัวหินจะแนะนำเราได้อย่างไรโดยไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรมว่า ตลาดซิเคด้า อยู่ที่ไหน หลายคนอาจตอบไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเรื่องการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างไร หรือเป็นที่ชื่อเรียกภาษาอังกฤษ ทำให้ชาวเมืองหัวหินสับสนก็เป็นได้ แต่ถ้าเพื่อนๆถามว่า สวนศรี เขาตะเกียบไปทางไหน รับรองไม่หลงทางแน่นอนที่ตลาดจั๊กจั่นนี้ จัดอยู่บนพื้นที่ของสวนศรี ซึ่งอยู่ก่อนถึงเขาตะเกียบครับ อยู่ทางด้าน ขวามือหาไม่ยาก ที่จอดรถอยู่ทางสวนซ้ายมือ มีพื้นที่กว้างขวางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
ภายในสวนศรีนี้ มีกิจกรรมการแสดงบนเวทีหลุมกลางแจ้ง ก็แล้วแต่ตามตารางการแสดง จะไม่ซ้ำกัน นอกจากนั้นยังมีลานอาหารอร่อยๆ ส่วนราคาอาหารก็ปานกลางต่อหัวทาน2อย่างอยู่ที่ประมาณ 80บาท เมื่ออิ่มท้องแล้วก็เดินเล่นชมของค้าของขาย ในแนวศิลปะ ของทำมือ ของเก่า เสื้อผ้าราคาประหยัด เดินเล่นเพลินๆ ได้ดีเลย




ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงเย็นถึง 4 ทุ่ม พื้นที่ในสวนศรีจะถูกเนรมิตให้เป็นไลฟ์สไตล์มาร์เก็ต เพื่อให้เป็นแหล่งรวมความสุนทรีย์ครอบคลุมทุกด้าน มีหลายโซนน่าสนใจ โซนหลัก ๆ ได้แก่ Art A La Mode เปิดให้ช็อปสินค้าแฮนด์เมดไอเดียเด็ด ๆ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน ผลงานศิลปะ สิ่งประดิษฐ์ และสินค้ามือสอง ในสไตล์เปิดเสื่อ ใกล้ ๆ กันเป็นโซน Art of Eating รวมเมนูเด่น ๆ ของโรงแรม ชั้นนำในหัวหิน และอาหารอร่อยจากร้านดังประจำถิ่น ที่หาทานที่อื่นไม่ได้







ตลาดน้ำสามพันนาม

ตลาดน้ำสามพันนาม





ที่ได้ชื่อว่า ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม เพราะเป็นชื่อพระราชทาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลำห้วยสามพันนาม ที่ได้ชื่อนี้ เพราะลำห้วยแห่งนี้ไหลผ่านหมู่บ้านกว่า 3,000 แห่งนั่นเอง ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม มีการแสดง โชว์แสง สีเสียง ทุกวัน สำหรับการเดินทางสะดวกสบายพร้อมที่จอดรถกว่า 1,000 คัน และเร็วๆ นี้ เตรียมพบ "The Cronos Walking Street" แห่งใหม่สไตล์กรีซ กับบรรยากาศตะวัน ตกแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน ติดกับ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนามอีกด้วย


เพลินวาน


Play and Learn ที่ เพลินวาน

จากจุดเริ่มต้นที่มาจากความรักและคิดถึงหัวหินในวันก่อน เพลินวานจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางจุดหมายการเดินทางแห่งใหม่ของคนหัวหินและนักท่อง เที่ยวที่มาเยือน
เพลินวานคือ... “ศูนย์รวมความสุข สถานที่... หยุดเวลาในอดีตไว้ เพื่อเล่าขานเรื่องราวมากมายของวิถีหัวหินกาลก่อน ...สู่กาลปัจจุบัน”
วันนี้เมื่อกลุ่มคนที่หลงรักอดีตของหัวหินร่วมกันเนรมิต บ้านเรือน ร้านค้า ร้านกาแฟ ที่เคยอยู่ในภาพถ่ายให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้เป็นจุดหมายใหม่ในการเดินทางสู่เมืองหัวหินในนามของ เพลินวาน " ศูนย์รวมความสุข สถานที่ซึ่งหยุดเวลาในอดีตไว้ เพื่อเล่าขานเรื่องราวมากมายของวีถีหัวหินกาลก่อน สู่กาลปัจจุบัน" จึงได้รับความสนใจไม่น้อยจากนักท่องเที่ยว



เพลินวานมี ลักษณะคล้ายหมู่บ้านย้อนยุคที่มีชีวิต (Eco Vintage Village) ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านเหล้าในสมัยก่อน รูปแบบของหมู่บ้านนี้จะร้านค้าที่ทำจากไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วง พ.ศ.2499 อีกครั้ง เป็นสถานที่ที่เน้นการขายอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่ใช้ในการตกแต่ง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพนักงานซึ่งจะเป็นของที่ใช้จริงในสมัยนั้น แต่ที่โดดเด่นไม่เหมือนที่อื่นก็คือข้าวของที่นี่สามารถซื้อขายได้จริง ไม่ใช่แค่ตั้งโชว์เหมือนพิพิธภัณฑ์
คำว่าเพลินวาน มาจาก "Play and Learn ในวันวาน" ด้วยความปรารถนาให้ทุกคนมามีความสุขด้วยกัน มานึกถึงความรู้สึกดีๆในอดีต เรียนรู้วัฒนธรรมดั้งเดิม ตามแนวคิดของ ภัทรา สหวัฒน์ จิ๊กโก๋เพลินวานผู้ที่พยายามทำฝันให้เป็นจริง

"เชื่อว่าทุกคนจะมีความทรงจำในอดีต อยากให้มาที่นี่แล้วได้ย้อนไปนึกถึงเรื่องราวในวันเหล่านั้น อย่างน้อยๆ ก็ยิ้มได้ ในหนังกลางแปลงที่จะฉาย หลายเรื่องก็ล้วนแต่มีฉากหลังเป็นหัวหินทั้งนั้น ร้านเสื้อที่เป็นแหล่งพบรักของหนุ่มสาวสมัยก่อนก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ อยู่ในความทรงจำของใครหลายต่อหลายคน"

อีกสิ่งที่ภัทราพยายามทำให้เกิดขึ้นจริงในเพลินวานก็คือ การให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยในเพลินวานจะ เปิดโอกาสให้หาบเร่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้เข้ามาจับจองพื้นที่ค้าขาย เพื่อสนับสนุนให้คนท้องถิ่นมีพื้นที่ทำกิน ไม่ต้องคอยวิ่งหลบเจ้าหน้าที่เทศกิจ แต่เพื่อให้อยู่ในคอนเซ็ปต์ ทางเพลินวานจึง ได้จัดอุปกรณ์สำหรับค้าขายไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นหรือหาบขายของเพื่อให้มีรูปแบบที่เป็นไปในทางเดียวกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แก่เด็กๆและคนพิการ สามารถเข้ามาทำงานที่นี่ โดยทางร้านจะมีทางลาดและลิฟท์สำหรับรถเข็นผู้พิการ แม้ตัวอาคารจะเป็นเพียงแค่บ้าน 2 ชั้นเท่านั้น

ในส่วนของงานวัดซึ่งจะมีทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกจากจะเน้นบรรยากาศแบบย้อนยุคแล้ว ยังจะมีพื้นที่สำหรับเด็กนักเรียนเข้ามาขายของหารายได้พิเศษ ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ที่นี่จะเป็นแบบ Green Board คือเป็นเฟอร์นิเจอร์ Recycle ทำจากกระดาษลังหรือกล่องนม ถือว่าเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติในอีกรูปแบบ



การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์


การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน หมายถึง การท่องเที่ยวที่ ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ โดยการใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การ ท่องเที่ยวมีความมั่นคงยั่งยืนอยู่คู่สังคมมนุษย์ และก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฉะนั้น แนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จึงไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยวเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่มุ่งเสนอขายสินค้า หรือบริการทางการท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างเดียว หากยังมุ่งประสาน ผลประโยชน์ทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกด้วย จึงนับได้ว่าการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ สามารถสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ และสร้างความพอใจ ให้แก่ประชาชนเจ้าของท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ปกปักรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม ทางการท่องเที่ยวให้คงอยู่คู่สังคมมนุษย์นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีจุดมุ่งหมายหลักในการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่าง กระแสการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับกระแสอนุรักษ์ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันส่งเสริมเพื่อให้ การท่องเที่ยวบรรลุจุดมุ่งหมาย ดังกล่าว ทั้งนี้จำต้องอาศัยความร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมจากทุกฝ่าย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายเอกชน และฝ่ายนักท่องเที่ยวเอง ซึ่งทั้ง 3 ฝ่าย ต่างก็มีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

กิจกรรมการอนุรักษ์บริเวณชายหาด







เที่ยวชะอำ...สุขล้ำเรื่องธรรมชาติ


ประวัติ "ชะอำ"
เมื่อพูดถึง “ชะอำ” คนส่วนมากจะนึกถึงชายหาดชะอำ แต่แท้จริงแล้วชะอำเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ตากอากาศริมทะเลที่สวยงาม และเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้นๆ สำหรับการพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมายแล้ว ชะอำยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไป-กลับได้ในวันเดียว จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่ง ที่น่าจะอยู่ในใจนักเดินทางและเป็นที่นิยมไปอีกนานเท่านาน
อำเภอชะอำตั้งอยู่ริมฝั่งอ่าวไทยบริเวณชายหาดที่ใช้ชื่อเดียวกัน ตัวอำเภอมีเนื้อที่ประมาณ 110 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 68,750 ไร่

สันนิษฐานว่าแต่เดิมชะอำมีชื่อว่า "ชะอาน" เนื่องจากเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพลงใต้ ทรงนำทัพผ่านมาและหยุดพักที่เมืองนี้ เพื่อพักไพร่พลช้างม้าและเพื่อล้างอานม้า จึงเป็นที่มาของชื่อเมือง "ชะอาน" ซึ่งต่อมาได้เพี้ยนเป็น "ชะอำ"

เดิมเมืองชะอำเป็นเพียงหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆ มีชายทะเลที่สงบเงียบ และมีธรรมชาติสวยงามบริสุทธิ์ ต่อมาก็ได้มีผู้คนอพยพมาอยู่อาศัยและตั้งรกรากเพิ่มมากขึ้น ชุมชนชะอำจึงขยายตัวเป็นชุมชนใหญ่ และจัดตั้งขึ้นเป็นหมู่บ้านชื่อ “หมู่บ้านสหคาม” ขึ้นอยู่กับอำเภอหนองจอก และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์ มาเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก จนกระทั่งเมื่ออำเภอหัวหินที่อยู่ใกล้เคียงมีชื่อเสียงมากขึ้น ที่ดินแถบชายทะเลใกล้เคียงถูกจับจองหมด บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในสมัยนั้น จึงเริ่มขยายมาจับจองที่ดินแถบชะอำด้วย เพื่อหวังให้เป็นสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ ชะอำจึงเริ่มเป็นที่รู้จักนับแต่นั้น

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งชะอำขึ้นเป็น “สภาจัดบำรุงชายทะเลทิศตะวันตก” และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลก็ได้ออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสภาฯ แห่งนี้เป็น “เทศบาลตำบลชะอำ” ในปี พ.ศ. 2480 และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็น “เทศบาลเมืองชะอำ” ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 มาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทาง

ชะอำอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 180 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่ชะอำได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และรถไฟ


การเดินทางไป ชะอำ


โดยรถไฟ:
การรถไฟแห่งประเทศไทยมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และสถานีรถไฟธนบุรี ไปยังสถานีบ้านชะอำทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th


โดยรถยนต์:
จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ

1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี อำเภอท่ายาง ถึงสี่แยกชะอำ เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร จนถึงหาดชะอำ

2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี อำเภอท่ายาง ถึงสี่แยกชะอำ เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร จนถึงหาดชะอำ


โดยรถประจำทาง:
มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ชะอำ และกรุงเทพฯ–หัวหิน-ปราณบุรี (ลงรถที่สี่แยกชะอำ) ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th

ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com


การเดินทางภายใน ชะอำ

ในตัวเมืองและริมหาดมีรถชนิดต่างๆ ให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะต่างๆ ได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสม

รถสามล้อถีบ รถสามล้อเครื่อง และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่างๆ เช่น ริมหาดชะอำ หน้าตลาด หน้าสถานีขนส่ง ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย และนักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถจักรยานขี่ท่องเที่ยวได้จากร้านค้าต่างๆ ริมหาดชะอำ คิดราคาแบบทั้งรายชั่วโมงและรายวัน

แผนที่ ชะอำ