
Play and Learn ที่ เพลินวาน
จากจุดเริ่มต้นที่มาจากความรักและคิดถึงหัวหินในวันก่อน เพลินวานจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางจุดหมายการเดินทางแห่งใหม่ของคนหัวหินและนักท่อง เที่ยวที่มาเยือน
เพลินวานคือ... “ศูนย์รวมความสุข สถานที่... หยุดเวลาในอดีตไว้ เพื่อเล่าขานเรื่องราวมากมายของวิถีหัวหินกาลก่อน ...สู่กาลปัจจุบัน”
วันนี้เมื่อกลุ่มคนที่หลงรักอดีตของหัวหินร่วมกันเนรมิต บ้านเรือน ร้านค้า ร้านกาแฟ ที่เคยอยู่ในภาพถ่ายให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้เป็นจุดหมายใหม่ในการเดินทางสู่เมืองหัวหินในนามของ เพลินวาน " ศูนย์รวมความสุข สถานที่ซึ่งหยุดเวลาในอดีตไว้ เพื่อเล่าขานเรื่องราวมากมายของวีถีหัวหินกาลก่อน สู่กาลปัจจุบัน" จึงได้รับความสนใจไม่น้อยจากนักท่องเที่ยว

เพลินวานมี ลักษณะคล้ายหมู่บ้านย้อนยุคที่มีชีวิต (Eco Vintage Village) ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านเหล้าในสมัยก่อน รูปแบบของหมู่บ้านนี้จะร้านค้าที่ทำจากไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วง พ.ศ.2499 อีกครั้ง เป็นสถานที่ที่เน้นการขายอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่ใช้ในการตกแต่ง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพนักงานซึ่งจะเป็นของที่ใช้จริงในสมัยนั้น แต่ที่โดดเด่นไม่เหมือนที่อื่นก็คือข้าวของที่นี่สามารถซื้อขายได้จริง ไม่ใช่แค่ตั้งโชว์เหมือนพิพิธภัณฑ์
คำว่าเพลินวาน มาจาก "Play and Learn ในวันวาน" ด้วยความปรารถนาให้ทุกคนมามีความสุขด้วยกัน มานึกถึงความรู้สึกดีๆในอดีต เรียนรู้วัฒนธรรมดั้งเดิม ตามแนวคิดของ ภัทรา สหวัฒน์ จิ๊กโก๋เพลินวานผู้ที่พยายามทำฝันให้เป็นจริง
"เชื่อว่าทุกคนจะมีความทรงจำในอดีต อยากให้มาที่นี่แล้วได้ย้อนไปนึกถึงเรื่องราวในวันเหล่านั้น อย่างน้อยๆ ก็ยิ้มได้ ในหนังกลางแปลงที่จะฉาย หลายเรื่องก็ล้วนแต่มีฉากหลังเป็นหัวหินทั้งนั้น ร้านเสื้อที่เป็นแหล่งพบรักของหนุ่มสาวสมัยก่อนก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ อยู่ในความทรงจำของใครหลายต่อหลายคน"
อีกสิ่งที่ภัทราพยายามทำให้เกิดขึ้นจริงในเพลินวานก็คือ การให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยในเพลินวานจะ เปิดโอกาสให้หาบเร่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้เข้ามาจับจองพื้นที่ค้าขาย เพื่อสนับสนุนให้คนท้องถิ่นมีพื้นที่ทำกิน ไม่ต้องคอยวิ่งหลบเจ้าหน้าที่เทศกิจ แต่เพื่อให้อยู่ในคอนเซ็ปต์ ทางเพลินวานจึง ได้จัดอุปกรณ์สำหรับค้าขายไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นหรือหาบขายของเพื่อให้มีรูปแบบที่เป็นไปในทางเดียวกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แก่เด็กๆและคนพิการ สามารถเข้ามาทำงานที่นี่ โดยทางร้านจะมีทางลาดและลิฟท์สำหรับรถเข็นผู้พิการ แม้ตัวอาคารจะเป็นเพียงแค่บ้าน 2 ชั้นเท่านั้น
ในส่วนของงานวัดซึ่งจะมีทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกจากจะเน้นบรรยากาศแบบย้อนยุคแล้ว ยังจะมีพื้นที่สำหรับเด็กนักเรียนเข้ามาขายของหารายได้พิเศษ ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ที่นี่จะเป็นแบบ Green Board คือเป็นเฟอร์นิเจอร์ Recycle ทำจากกระดาษลังหรือกล่องนม ถือว่าเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติในอีกรูปแบบ


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น